ปั๊ม RO DIAPHRAGM PUMP

การทำงานของปั๊ม RO

โดยปกติแล้ว แรงดันน้ำประปาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 20-40 psi
ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการผลักดันน้ำให้ผ่านไส้กรอง RO ได้
ปั๊ม RO จึงเข้ามาทำหน้าที่เพิ่มแรงดันน้ำให้สูงขึ้นถึง 60-120 psi
ขึ้นอยู่กับชนิดของไส้กรองและคุณภาพน้ำดิบ ทำให้การกรองมี
ประสิทธิภาพและได้น้ำสะอาดตามที่ต้องการ

ชนิดของปั๊ม RO

ปั๊ม RO มีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับขนาดของระบบและการใช้งานหลัก ๆ แบ่งได้ดังนี้

1. ปั๊มไดอะแฟรม (Diaphragm Pump):

   • การทำงาน: ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนให้แผ่นไดอะแฟรม
     ภายในปั๊มสั่นและดันน้ำไปข้างหน้า

   • จุดเด่น: มีขนาดกะทัดรัด ทำงานเงียบ และกินไฟน้อย เหมาะสำหรับ
     ใช้ในเครื่องกรองน้ำ RO สำหรับครัวเรือน

   • แรงดัน: 60-100 psi

2. ปั๊มโรตารี่ (Rotary Vane Pump):

   • การทำงาน: ใช้ใบพัดหมุนเพื่อสร้างแรงดันในการดูดและดันน้ำ

   • จุดเด่น: ทนทาน ให้แรงดันสูงและคงที่ เหมาะสำหรับระบบ RO ขนาดใหญ่
     หรือระบบที่ต้องใช้น้ำปริมาณมาก เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรือโรงพยาบาล

   • แรงดัน: 100-200 psi ขึ้นไป

ส่วนประกอบหลักของปั๊ม RO

• มอเตอร์: เป็นส่วนที่สร้างพลังงานขับเคลื่อนปั๊ม

• ชุดปั๊ม (Pump Head): เป็นส่วนที่ทำหน้าที่สร้างแรงดันน้ำ
  ประกอบด้วยไดอะแฟรมหรือใบพัด

• สายไฟและขั้วต่อ: สำหรับเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟ

• พอร์ตทางเข้า (Inlet) และทางออก (Outlet): สำหรับต่อสายน้ำเข้าและออก

การเลือกปั๊ม RO

การเลือกปั๊ม RO ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้:

• ขนาดของระบบ RO: เลือกปั๊มที่มีอัตราการไหล
  (GPD - Gallons Per Day) สอดคล้องกับขนาดของไส้กรอง RO

• แรงดันที่ต้องการ: ตรวจสอบแรงดันที่แนะนำบนไส้กรอง RO

• คุณภาพน้ำดิบ: หากน้ำดิบมีความกระด้างสูง อาจต้องใช้ปั๊มที่มีแรงดันสูงขึ้น

• การใช้งาน: สำหรับใช้ในบ้านทั่วไป ปั๊มไดอะแฟรมก็เพียงพอ
  แต่ถ้าเป็นงานอุตสาหกรรมควรเลือกใช้ปั๊มโรตารี่